วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2552

คิดแทนพี่วิว

วันนี้ไปส่งเด็ก ๆ วิวก็หอบของขึ้นรถ กระเป๋า ชุดว่ายน้ำ หนังสือภูมิศาสตร์+ภาพวาด พอตอนลงจากรถ
ก็ลืมหนังสือภูมิศาสตร์+ภาพวาดงานคริสต์มาส ไว้บนรถ พอแม่ออกรถไปก็เห็นพอดีแต่มันไม่ทันแล้ว ก็คิดในใจว่าถ้ามันจำเป็นต้องส่งวันนี้วิวคง
โทรบอกพ่อให้มาเอาที่แม่เองแหละ ให้แก้ปัญหาเองซะบ้าง (อย่าลืมดีนัก)

พอตอนเย็นไปรับก็บอกว่าเป็นงัยบ้างหล่ะ ลืมเอางานไปส่ง วิวบอกว่ายังไม่ได้ส่งยังทัน มิลค์ก็พูดว่าเออตอนมิลค์รู้ว่าพี่วิวลืมของ มิลค์ก็คิดแทน
ว่าพี่วิวจะเอางัยดี ถ้าพี่วิวต้องใช้พี่วิวต้องโทรไปบอกพ่อให้ไปเอาให้แน่เลย ลุ้นแทน ส่วนพี่วิวไม่รู้สึกอะไรเพราะว่ารู้ว่ายังไม่ถึงวันที่ต้องส่ง
แต่น้องคิดแทนไปแล้ว

เฮ้อมิลค์ก็เป็นซะเงี๊ยะ

วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ตุ๊กตาทั้ง 6





อี๊เพนว่าแล้ว ว่ามิลค์ต้องอยากดูแน่ ๆ

นี่คือ 6 ตัว แต่ก็ยังมีอีกนะ เราแบ่งกันคนละ 6 ตัวจ้า

วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

คิดถึงยาย กับ ให้ดาวคุณแม่

วันที่ 11 พ.ย. 2552 อี๊เพนโทรหาคุณหลานด้วยความคิดถึงพี่วิวรับสาย
และหันไปบอกคุณหลานว่าคุณอี๊โทรมา เสียงแว่ว ๆ มาในโทรศัพท์..จับใจความได้ว่า
"แหม่...ทำไมต้องโทรมาตอนนี้ด้วยไม่รุ" (สงสัยดูละครอยู่)
คุยกันสัพเพเหระ มิลค์ก็ถามว่า
"อี๊มีเบอร์ยายไหม มิลค์จะโทรถามยายว่าเมื่อไหร่จะมาบ้านมิลค์คนแถวบ้านมิลค์เขาคิดถึง วันก่อนมิลค์ไปเล่าให้เขาฟังว่ายายจะมาเขายิ้มกันใหญ่"
อี๊บอกเบอร์เสร็จคุณมิลค์เธอก็วางสายอี๊และโทรหายายทันที
(แต่เหตุการณืนี้ทำให้อี๊จับจุดความน่ารักของมิลค์ได้อย่างนึง มิลค์ชอบที่จะเอาความดีใจไปบอกคนอื่น ๆ ให้เขารู้สึกดีด้วย)
ซักพักอี๊โทรกลับไปใหม่ได้คุยกับแม่ เลยคุยเรื่องสอนภาอังกฤษให้มิลค์ อี๊บอกให้แม่บอกโจทย์มิลค์ ว่าให้ไปหาศัพท์ภาษาอังกฤษ พวกข้าวของเครื่องใช้ในบ้านแล้วให้เขียนบัตรคำ จะได้ช่วยจำศัพท์ เสียงของมิลค์ก็โพร่งขึ้นมาว่า
"แม่ก็ไม่ต้องดุลูกหรอก ไม่ต้องใช้อารมณ์ก็ได้" พร้อมกับพูดเลียนแบบแม่ว่า "แปลว่าอะไร ตัวนี้แปลว่าอะไร" แม่หัวเราะและแอบบ่นกับอี๊ว่า ตอนนี้แม่โดนประเมิน 24 ชั่วโมงเลยทั้งที่ทำงานทั้งที่บ้าน แม่ให้มิลค์เล่า มิลค์บอกว่า...
"วันไหนแม่ไม่โมโหมิลค์จะให้ดาวแม่เป็นรางวัล แต่ก็วันไหนแม่โมโห...มิลค์จะลบดาวให้หมด"

วันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

แม่นี่ทำได้ทุกอย่าง

เช้าวันเสาร์ต้องไปฟังผลการเรียนกัน (09.00 - 11.00 น.) แม่ก็นึกว่าให้ผู้ปกครองไปอย่างเดียวเด็กไม่ต้องไป ก็เลยไม่ได้ซักเสื้อผ้า (หมดอาทิตย์
ชุดหมดพอดี) พอ 9 โมง มิลค์บอกว่าเขาให้เด็กไปด้วยใส่ชุดนักเรียนไป แม่เก็อาละซิ ทันทีมิลค์ก็บอกว่า "แม่เอาชุดเก่ามารีดเอาก็ได้"
แต่แม่ก็ดูแล้วไม่ไหวหวะ เลยรีดเอาเฉพาะกระโปรงกับกางเกง ส่วนเสื้อซักเอาแล้วปั่นแห้ง แล้วเอามาผึ่งพัดลม พอเด็ก ๆ อาบน้ำกินข้าว
เสร็จก็พอดีเสื้อแห้ง แป๊บเดียวก็เรียบร้อย ไปโรงเรียนกัน แม่ขับ พอเริ่มออกรถไอ้มิลค์ก็พูดว่า "แม่นี่ทำได้ทุกอย่างเลยหวะ"
เราก็ยิ้ม คิดไปว่าหมายถึงขับรถหรืออะไร ก็ปกตินี่หว่า เลยลองถามดูว่าทำไมเหรอ มิลค์บอกว่า "ก็ดูแม่ซิขนาดไม่มีชุดนักเรียน
แป๊บเดียวไม่ยังทำได้ทันเวลาพอดี" แล้วก็ยิ้มไปยิ้มมา ตอนเราเป็นเด็กเราไม่เคยคิดกับแม่อย่างนี้เลย พอมีลูกแล้วถึงคิดได้
ดีใจที่ลูกคิดได้เร็วกว่าเรา

วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ไปทะเลกันดีกว่า

สี่เกลอไปทะเลกัน มันน่าดู ฝากคลิปขึ้นไว้ดูกัน

วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2552

อี๊เพนผู้กล้าหาญ

เมื่อวานโทรศัพท์หาหลานเพื่อนัดหมายไปเที่ยวทะเลวันเสาร์นี้
เพราะปิดเทอมนี้ หลาน ๆ ไม่ได้มาเที่ยวกรุงเทพ น้องพัทธ์ก็พลอยอดไปด้วย
เพราะพี่นัทธ์มัวแต่จ้ำเรือยาว

เมื่อวางแผนกันเสร็จสรรพ ว่าจะไปวันเสาร์ หลังจากมิลค์เข้าค่ายเสร็จและไปรับพัทธ์ไปด้วย
ตอนแรกมิลค์ขอเลื่อนออกไปอีก เพราะอยากไปค้างทะเลตั้งแต่วนศุกร์
คุณเธอจอมวางแผนจริง ๆ แต่ติดว่าอีกอาทิตย์ต่อมานั้นต้องไปทอดกฐินด้วยกันที่สวนผึ้ง
ก็เลยลงตัวที่เสาร์นี้นั่นแหละ

พ่อมิลค์ตะโกนเข้าสายมาว่าขอเสื้อเรือยาวของสำนักงานอี๊เพน สีเหลือง-ขาว
แต่ไม่ซีเรียส มิลค์พูดตามพ่อบอกทุกคำ ลงท้ายด้วยไม่ซีเรียสนะอี๊เพน

อี๊เพนกก็เลยรับปากว่าจะไปดูให้นะ ไม่รู้ใครเป็นคนทำเสื้อ
มิลค์บอกว่า "อี๊เพน คือ ผู้กล้าหาญ"
อี๊เพนนั่งขำ ถามต่อว่าทำไมกล้าหาญ มิลค์บอกว่า
"ก็อี๊เพนกล้าพูด กล้าทำ ทุกอย่าง" 555 555
อี๊เพนก็เลยถามกลับว่าแล้วใคร คือ ผู้ไม่กล้า มิลค์ตอบว่า
"ก็คือมิลค์นี่เอง" ไม่จริงหร๊อก
เพราะว่าอี๊เพนผู้กล้าโดนผู้ไม่กล้าข่มขู่และบงการตลอด 555

โคตรจริงใจร้องอะ

ได้ข่าวว่าหลานสาวชอบดูโฆษณาไฟทยประกันชีวิต http://www.youtube.com/watch?v=NYvRbrnU_k4 (อี๊เพน copy link ไว้คลิ๊กดูด้วยจ้ะ)

อี๊ไม่รอช้า ต่อสายโทรศัพท์หาหลานรักทันที ด้วยความอยากรู้ว่าทำไมถึงชอบ
อี๊เพน : อี๊กะลังดูโฆษณาที่มิลค์ชอบอยู่อะ
มิลค์ : มิลค์ชอบผู้ชายที่ยืนร้องทำหน้าเฉย ๆ น่ะ
อี๊เพน : ทำไมเหรอ
มิลค์ : โคตรจริงใจร้องเลยอ่ะ เสียงคุณมิลค์เธอ"เหน่อ" เอาจริงเอาจังมาก
(แต่อี๊เพนเผลอหัวเราะเสียงดัง 555)
อี๊เพน : มิลค์รู้ไหมว่าเขาแขนขาด

มิลค์ : อ้าวเหรอะ!! เขายังถามแม่เขาเลยว่าเขาจะหล่อ จะสวยไหม
แม่เขาบอกว่า อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด

อี๊เพนก็เลยถือโอกาสอธิบายว่า พวกเด็ก ๆ ที่อยู่ในโฆษณาล้วนแต่เป็นเด็กที่ไม่มีโอกาสดีเท่าคนอื่น แต่เขาก็สู้ มิลค์บอกว่าน่าสงสาร

และก็ต่อด้วย "อี๊มิลค์จะรีบไปดูแดจังกึม กะลังมัน" จังกึมตอนนี้กำลังเป็นเด็ก

อี๊เลยต้องปล่อยมิลค์จัง ไปดูจังกึม!!! 555

วันเสาร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2552

ความหวังสุดท้าย

สืบเนื่องจากเรื่องพี่วิวอยากดูหนัง

อี๊เพนบอกพี่วิวว่า พี่วิวเป็นความหวังนะเพราะพี่นัทธ์เขาเรียนไม่ค่อยเก่ง
พี่วิว : ทำไมอะ แล้วพัทธ์ล่ะ
อี๊เพน : ก็วิวเป็นหลานคนที่สองรองมาจากพี่นัทธ์น่ะสิ

มิลค์ซึ่งกำลังนั่งดูหนังเรื่องปลาบู่ทองอยู่ พูดแซงมาว่า
"งั้นมิลค์ก็ความหวังสุดท้ายน่ะสิ"

เออ!!! จริงของมิลค์นะเนี่ย 555 ไอ้ตัวเล็ก

หลานชายอยากดูหนังกับเพื่อน

อี๊เพนไปเที่ยวค้างบ้านพี่วิว และมิลค์ตั้งแต่วันพฤหัสเพราเป็นวันสารทจีน
เช้าวันเสาร์เตรียมจะกลับ กทม. ก็ได้รู้ว่าหลานชายจะไปดูหนังกับเพื่อน

อาจจะฟังดูธรรมดาว่าเด็กวันรุ่นตอนต้นจะไปเที่ยวดูหนังกับเพื่อนบ้าง แต่อี๊เพนก็ต้องตกใจเมื่อหลานบอกว่าเพื่อนชวนไปดูหนังเรื่อง "แฟนเก่า" เอาเข้าไปมันนี่มันไม่ใช่หนังสำหรับเด็ก แล้วทำไมเพื่อนวิวอยากดู ที่ยิ่งแย่ทำไมพ่อแม่เขาไม่ถามเลยเรอะว่าลูกจะดูหนังเรื่องอะไร นี่แหละหนาพ่อแม่ ฝากให้โรงหนัง กับห้างเป็นคนเลี้ยงลูกให้ เป็นเพราะพ่อกับแม่ไม่มีเวลาเอาใจใส่

แต่เด็กก็มีความคิดของเด็ก วิวอาจนึกว่ามันเรื่องเล็กแค่ไปดูหนัง เพื่อนเขาไปได้ ทำไมวิวไปไม่ได้
แต่เพื่อนที่ไปเป็นเพราะพ่อแม่เขาไม่ว่าง ไม่อยู่บ้าน เป็นพ่อแม่ที่เลี้ยงลูกแบบไม่ได้คิด ไม่วางแผนอนาคตของลูก อี๊เพนอึ้งเลยที่วิวย้อนแม่ว่า "แม่จะให้วิวเป็นเด็กเรียนเลยเหรอะ" หน้าที่ของเด็กตอนนี้คือเรียนนะลูก แล้วไม่เป็นเด็กเรียนวิวจะเป็นเด็กเที่ยวหรือไงจ๊ะ (วิวอาจเถียงขึ้นมาว่า วิวไม่ขนาดนั้นหรอก)

วิวแค่มีหน้าที่เรียนไม่ต้องหาเงินเพื่อเอามาเรียนเหมือนเด็กยากจนอีกเยอะก็ดีแล้ว ถ้าหาเงินได้เองอยากทำอะไรจะไม่ว่าเลยค่ะ พ่อคุณพ่อทูนหัว วิวลองทบทวนดูในสิ่งที่แม่และพ่อพูดดูนะว่าจริงไหม

พ่อ แม่ และอี๊เพนพยายามพูดอยู่นาน ขนาดดูแล้วว่าวิวน่าจะเข้าใจดีขึ้น ไม่วายวิวก็ร้องไห้อยากไปอีก
โรงหนัง และพวกห้างนี้มันเก่งนะทำให้เด็ก ๆ อยากไปเดินเที่ยว เด็กอยากไปห้างมากกว่าอยากไปพิพิธภัณฑ์
เด็กไทยถึงสู้เด็กชาติอื่นไม่ได้ เพราะถูกมอมเมาด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง

อี๊เพนไม่ได้หวังว่าวิวจะต้องเก่งสุด ๆ ความหวังของอี๊เพนคือ อยากให้วิวเป็นคนดี รู้ว่าอะไรถูกผิด คิดได้เอง ซึ่งต้องหัดอีกเยอะ เวลาเที่ยวมีอีกเยอะจ้ะ แต่เวลาตั้งใจเรียนให้ดีมีน้อย เพราะพื้นฐานต้องเริ่มตั้งแต่ตอนนี้แหละ

อี๊ก็หวังว่าวิวจะเข้าใจเพราะวิวเป็นเด็กฉลาด และรู้จักคิดได้เองนะครับ

อี๊เพน

วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2552

พ่อ...กลาง กลางน่ะรู้จักไหม

แม่นิโทรมารายงานข่าวจากวงข้าวเย็นที่บ้านโป่ง
อี๊เพนจับความได้ประมาณนี้ก็เลยเอามารายงานต่อดังนี้...

แม่ : กับข้าววันนี้อร่อยเนอะ มะเขือยาวย่าง (หวานดี)จิ้มกับน้ำพริก
พ่อ : พูดลำบาก จะว่าอร่อยก็เดี๋ยวได้กินบ่อย จะว่าไม่อร่อยก็จะเสียน้ำใจ

มิลค์ ฟังแล้วจัดการทันที

แหม..ม.ม พ่อ กลาง ๆ น่ะพูดเป็นไม๊ ก็พูดไปดิ๊ว่า

"อร่อยดี นานๆ กินที"

พ่อมิลค์นี่ไม่ไหวเนอะ ต้องให้มิลค์สอนอยู่เรื่อย...

วันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2552

มิลค์-เจ้าความคิดจริง จริ๊ง

อี๊เพนนั่งดูคอนเสิร์ตเอเอฟอยู่ๆ หลานสาวก็โทรมาบอกให้เปิดบันทึก รัก รัก
ตอนแรกอี๊นึกว่ามิลค์จะเขียนอะไรให้อี๊อ่าน ที่ไหนได้อดใจไม่ไหวอยากเห็นของเล่นใหม่นี่เอง
อี๊เลยต้องวิ่งขึ้นไปหากล้อง หาอยู่นานจนมิลค์โทรมาทวงว่าเสร็จหรือยัง 555

อี๊เพนอยากรู้จังมิลค์คิดได้ไงอะ หัวไวจริง ๆ นะ...สาวจ้อย

คิดถึงมิลค์จังพรุ่งนี้เราก็จะได้เจอกันแล้ว...เย้

LEGO อดใจไม่ไหว




เมื่อหลานมิลค์อดใจไม่ไหว
อี๊เพนเลยจัดให้ทันที
เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีทำให้อดใจรอนิดเดียวก็เห็นแล้ว

อดใจรอพรุ่งนี้นะ จะได้เล่นของจริงแล้วววว....ไหวไม๊จ๊ะ

วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

เกมส์ Rummy O (รัมมี่โอ)

ตอนนี้อี๊เพนงานยุ่งสุด ๆ ตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน๊อต งานเยอะมากกกกกกกก ไม่ได้เขียน blog เลย
แต่ก็คิดถึงหลาน ๆ อยู่นะ
พอมาอ่านเรื่องที่แม่เล่า เรื่องที่มิลค์ตอบอี๊เพน ว่าเราควรต้องทำอะไรเป็นบ้างจึงจะเอาตัวรอดได้
ที่มิลค์ตอบมาถูกทั้งหมดเลย อี๊เพนเอามาโม้ที่ทำงานอยู่ตั้งนาน จนบางที่เล่าซ้ำอีกแนะ

คราวก่อนที่ไปบ้านโป่ง อี๊เพนได้เอาเกมส์ไปเล่นกับมิลค์ พี่วิว เขาเรียกว่า เกมส์รัมมี่โอ Rummy O
สนุกมากเลยแต่มีบางคน โดยพี่วิวจับได้ว่าแอบเลือกตัวเล่น แต่จริง ๆ ไม่ได้ตั้งใจซะหน่อย เนอะมิลค์เนอะ

แถมยังมีการฮั้วกัยอี๊เพน แลกตัวเล่นกันอีก ก็เลยชนะเฉือนพี่วิวไปซะอีก เฮ้อ..."ก็คนมันแจ๋วอะ"

คิดถึงหลาน

อี้เพน ว่างจากต้อนรับอาโก & อาเตี๋ยว ก็ได้มาเที่ยวบ้านโป่ง เอาเกมส์มาเล่นกับหลาน ๆ
เสร็จแล้วก็ไปหาอะไรกินกัน (เจอกันเป็นกิน) คุยกันสาระพัด สารเพ ไปมาก็คุยกันเรื่อง
ให้เด็กไปเรียนพิเศษ อี๊เพนก็บอกไม่ค่อยเห็นด้วยกันคนสมัยนี้ เอะอะ ก็ส่งลูกไปเรียนพิเศษ
จริง ๆ แล้ว น่าจะสอนให้เด็ก ๆ รู้จักเอาตัวรอด แก้ปัญหาเองได้ แล้วก็ตั้งคำถามให้หลานตอบว่า
มีอยู่ 3 อย่างที่จะให้มีชีวิตอยู่รอดได้ มีอะไรบ้าง ไอ้มิลค์ไม่รีรอ...
1. ทำกับข้าวเป็น - จะเราหิวก็ทำกินเองได้ ไม่ต้องพึ่งใคร แค่ไปซื้อมาทำ
2. ขายของเป็น - เราจะให้เรามีเงินใช้
3. ทำงานบ้านเป็น - เวลากินข้าวอิ่ม แล้วก็ต้องล้างจาน แล้วต้องถูบ้าน กวาดบ้านอีก

ตอบโดนใจอี๊เพนซะ! ให้รางวัลทันที 5555

อาโก&อาเตี๋ยว

อาโก & อาเตี๋ยว มาเยี่ยมอาม่า 17 มิ.ย.- 1 ก.ค. รวมครึ่งเดือน อยู่บ้านเพนตลอด

ไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลยนอกจากร้านกาแฟ กับ ไปซื้อของที่เมืองทอง ดีใจที่ได้เจอกัน คุยกันรู้เรื่องมั่ง ไม่รู้มั่ง

ก็สนุกดี พวกเราก็ได้เข้าไปคุยกับเขาเฉพาะช่วงวันหยุด เรียกว่าได้เจอกันพร้อมหน้าพร้อมตาทุกคน

อาม่าก็อ้อนซะ เรียกใข้บริการ อาโก&อาเตี๋ยว ตลอด

อาเตี๋ยวถ่าย VDO ไว้เพียบ แต่ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปไว้เลย เพนเอารูปมาลง web ไว้มั่งดิ


คิดถึงทุกคน

วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

เปิดเรียนกันแล้ว

มิลค์บอกว่ารูปคอปเปอร์น่ารักว่ะ ตอนนี้เปิดเรียนกันได้ 1 อาทิตย์แล้ว
วันแรกไปมึน ๆ เขียนหนังสือไม่ค่อยถูก มือไม้แข็งไปหมด เขียนผิดเต็ม
ครูก็อัดการบ้านซะ มิลค์ไม่ต้องซื้อเสื้อผ้าเพิ่ม แต่พี่วิวชุดพละขาลอย
เริ่มสูงบ้างแล้ว วุ่น ดี
ตอนนี้มันเล่นรูบิกแข่งกันอยู่ยังไม่ยอมหลับยอมนอน พี่วิวชนะ 2
มิลค์ชนะ 1 (พอชนะบอกว่านี่ขนาดฝืดนะ)
เอาทุกเม็ดเลย พี่วิวเลยบอกว่าเอามาแลกกันมา สุดท้ายพี่วิวชนะ
เลยพูดมั่งว่า ขนาดฝืดนะเนี่ย โดนย้อนรอยซะเลย... พอพี่วิวชนะอีก
มิลค์บอกว่าเล่นทำก่อนนี่หว่า สุดท้ายพี่วิวอะยอมแพ้ก็ได้มิลค์จะได้สบายใจ
แพ้ทุกครั้งเลยก็ได้ พี่วิวพูดซ้ำว่ามันเอาทุกรูปแบบ ยิ่งถ้าเล่นปิดแอบเนี่ย
ไม่มีใครชนะมัน โป้งได้ทุกรอบอย่างรวดเร็ว (มีคนรู้ทันอมยิ้มใหญ่เลย)

วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

โฉมหน้า "คอปเปอร์" รูปหล่อ














































โทรหาน้าปุ๋ม




วันก่อนหลังเลิกประชุมเดินกลับมาที่โต๊ะทำงาน หยิบโทรศัพท์มาดูว่ามีใครโทรมาบ้าง
เห็น missed call (เบอร์ที่ไม่ได้รับสาย) เป็นเบอร์พ่อมิลค์ 3 ครั้ง เบอร์แม่อีก 2 ครั้ง

ก็ตกใจก็รีบโทรหาแม่ก่อน แม่มิลค์บอกว่า”มิลค์โทรมาขอเบอร์ปุ๋ม ถามว่าทำไมก็ไม่บอก พูดแต่ว่า เออน่ะ” อี๊เพนก็เลยโทรหามิลค์ที่เบอร์พ่อมิลค์
พอโทรไป มิลค์ก็เล่าว่า “อี๊เพน ไอ้รูบิกน่ะ คอปเปอร์กัดกระจายไปแล้ว" พูดจบก็ถามเบอร์น้าปุ๋ม อี๊เพนถามว่าเอาไปทำไม มิลค์บอกว่า "ก็จะบอกไอ้เรื่องรูบิกนี่แหละ”

หลังจากวางสานอี๊เพนก็โทรหาแม่แจ้งข่าวว่า

อี๊เพน : นิ มิลค์อยากได้เบอร์ปุ๋มเพราะอยากบอกเรื่องรูบิก
แม่นิ : อ้าว ตะกี๊ก็ถามเบอร์ปุ๋มไปแล้วนี่นา
อี๊เพน : สงสัยลืมมั้ง ... (วางสายไป)

ตอนเย็น แม่มิลค์กลับบ้านก็ถามลูกสาวว่า
แม่ : มิลค์ โทรหาอี๊เพนทำไม
มิลค์ : ป่าวอี๊เพนเขาโทรกลับมา มิลค์ก็เลยถามเบอร์น้าปุ๋มจากอี๊เพน
แม่: แล้วทำไมไม่โทรหาแม่ ถามแม่
มิลค์ : เดี๋ยวแม่ก็ว่ามิลค์ว่า โทรมาทำไม 2 รอบ 3 รอบ
แม่ : แล้วจะโทรหาน้าปุ๋มเรื่องอะไร เรื่องรูบิกบอกแม่ก็ได้
มิลค์ : ก็จะบอกเขาว่ารูบิกที่น้าปุ๋มให้มาน่ะ คอปเปอร์มันกัดไปแล้ว
อืมเรื่องเป็นงี้นี่เอง...ฟังแล้วไม่รู้เลยเนอะว่าอยากได้อันใหม่ ...(ฮา)

ไม่เสียเวลา




ในตอนนี้ รูบิก กำลังบูมในหมู่เด็ก ๆ (บูม แปลว่า เป็นที่นิยม ดัง) ไม่เว้นแม้กระทั่งอี๊เพน
มิลค์เองเล่นเก่งไม่เบา ชนะอี๊เพนแทบทุกครั้งเลย อ้อ! ต้องออกตัวก่อนนะว่าเราเล่นกันหน้าเดียว (เล่นทีละสี) เพราะไม่สามารถเล่นได้ 6 สี
วันก่อนไปบ้านมิลค์ คุณเธอกำลังเล่นกระโดดยางกับหมู่ผองเพื่อนในหมู่บ้าน ขณะที่เธอต้องกลายเป็นฝ่ายถือยาง ให้เพื่อนอีกทีมกระโดดบ้าง
คุณหนูมิลค์เธอก็ร้องบอกให้อี๊หยิบรูบิกให้หน่อย
เอากับเธอสิ ไม่ยอมให้เวลาผ่านไปปล่าว ๆ เอาขาเกี่ยวยางไว้


ส่วนมือก็ บิด ๆๆๆ รูบิก เอากะเธอสิ

ไปแน่บเลยนะ

มิลค์กับพี่วิว ขมีขมันกับการเล่นรูบิกอย่างมากในรถอี๊เพน หันมาถามบ่อย ๆ ว่า “อี๊เพน..สีไรต่อ” อี๊เพนกับแม่ก็วนตั้งโจทย์อยู่นั่นแหละ “เหลือง ขาว น้ำเงิน ส้ม แดง เขียว” จนอี๊เพนคิดในใจว่าหากหลาน ๆ ขยันเรียนเหมือนขยันเล่น แม่คงไม่ต้องเหนื่อยเคี่ยวเข็ญ (อะ…ล้อเล่น) เดี๋ยวงานเข้าอีก
มิลค์มีสูตรของตัวเองในการเล่นรูบิก ด้วยการบิดหาตำแหน่ง หมุนกลับ หมุนแกนมารับและหมุนสีเป้าหมายมาก็จะเป็นสีเดียวแถวเดียวกัน
ส่วนพี่วิวมีสูตรทำให้สีเป้าหมายมีเครื่องหมายบวก หรือกากบาท จากนั้นจึงค่อยหมุนสีเป้าหมายให้ครบทุกช่อง(9ช่อง)
แต่เมื่อพี่วิวติดบางจุด จึงปีนข้ามเบาะมาถามน้องรักว่า “มิลค์ มิลค์แก้อันนี้ให้พี่วิวหน่อย”

มิลค์ก็บิด ๆ ๆ “ได้แล้ว”
พี่วิว : ช้า ๆ สิพี่วิวดูไม่ทัน
มิลค์ก็เลย บิด ๆ ๆ ให้ดูอีก (แบบช้า ๆ)
พี่วิว : อ๋อ!!! รู้แระ ว่าแล้วก็ปีนกลับไปนั่งที่เดิม
จากนั้นพี่วิวก็ชนะมิลค์ตลอด ติดต่อกันประมาณ 5 ครั้ง (ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้นผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะอยู่เรื่อย ๆ)
จนมิลค์เริ่มหงุดหงิด


เว้ย!!! พี่วิวนี่เอาสูตรมิลค์ไปแล้ว ไปแน่บเลยนะ

วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

เจอตัวแล้ว...ตั๊บแก


มิลค์หลังจากที่เราฟังเสียงมานานแล้ว

และ..แล้วอี๊เพนก็ได้เจอตัวจริงอยู่ตรงเพดานตรงที่จอดรถน่ะแหละ

เลยเก็บรูปมาฝากกัน ไม่กล้าเข้าไปถ่ายใกล้ๆ กลัวมันกระโดดเกาะ...อะจึ๋ย!!!

วันอังคารที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

วันเกิดอี๊เพน

อี๊เพนดีใจมากที่หลาน ๆ โทรมาแฮปปี้เบิร์ดเดย์
น้องพัทธ์โทรมาตอนเย็น บอกว่าสุขสันต์วันเกิดนะคร๊าบ พร้อมกับร้องเพลงตบท้าย อี๊เพนก็เลยขอของขวัญวันเกิดจากพี่พัทธ์ด้วยการลดน้ำหนักเป็นของขวัญ 5 โล พี่พัทธ์รีบถามทันทีว่าโกเพนกลับบ้านเมื่อไหร่ อี๊เพนบอกว่าสิ้นเดือนพัทธ์บอกว่าไม่น่าจะถึง 5 โลพร้อมกับบอกว่า ได้เท่าไหร่ก็เอาเท่านั้นนะโกเพน...แหม..พัทธ์ตั้งใจอย่างนี้โกเพนก็ปลื้มแล้วคร๊าบ
ซักพักพี่นัทธ์โทรมาบ้าง บอกว่านี่นัทธ์นะ..ตะกี้พัทธ์ "สุขสันวันเกิดครับ" สั้น ๆ แต่ซาบซึ้งครับพี่น้อง
นั่งรอโทรศัพท์หลานตัวเล็กอยู่ เสียงโทรศัพท์ก็ดัง..พออี๊เพนกดรับสาย เป็นเสียงอี๊ฐาฝากข้อความแฮปปี้เบิร์ดเดย์มาตามสาย แหมอี๊ฐานี่ทันสมัยจริง ๆ ฝากการ์ดอวยพรเป็นเสียงตามสาย เออ..กู๋ษิตก็โทรมาด้วยนะ
อี๊เพนนึกว่าจะรอเก้อซะแล้ว ก็เลยนั่งพิมพ์เรื่องดรีมเวิร์ลไปพลาง ๆ ปรากฏว่าโทรศัพท์จากมิลค์มาพร้อมกับเสียงเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์...แหม...เพลงนี้ช่างเพราะจริงๆ ไม่มีใครร้องประสานเสียงเพราะเท่ามิลค์กับพี่วิวอีกแล้ว... แถมฝากส่งข้อความไว้ใน Blog ว่า love โอ้โหอี๊เพนสุดจะปลื้ม แม่บอกว่ามิลค์ให้แม่เขียนว่า ขอให้มีความสุข เป็นที่รักของหลานทุกคนนะ และย้ำว่าทุกคน 555

รักหลานทุกคนมาก ๆ จ้ะ

ปล..หากอี๊เพน - โกเพนลืมวันเกิดของใครไป ไม่ได้โทรไปตรงวันต้องขอแก้ตัวใหม่ปีหน้านะจ๊ะ

เมื่อพวกเราบุกดรีมเวิร์ล ตอน 4 (ลุยหิมะ)








หมูสไลด์เดอร์




ลุยหิมะ

พวกเรารอเลือกเสื้อและรองเท้ากันอยู่นาน เพราะพี่พัทธ์หารองเท้าบู๊ทไม่ได้ "มันติดขาอะโกเพน" โกเพนก็เลยบอกคนหยิบว่าเอาเบอร์ใหญ่ที่สุดมาเลย..สุดท้ายก็ใส่ได้ เฮ้อ...

แต่น้องมิลค์ต้องเอาเสื้อ 2 ตัวเพราะเป็นเด็กหญิงผอมเพรียวเลยขี้หนาว ส่วนพี่พัทธ์สบายมากเพราะไขมันเยอะ...ตอนเข้าไปก็กะกันว่าจะอยู่ให้คุ้มเชียวเพราะค่าตั๋วที่เข้าใบละตั้ง 150 บาทส่วนพี่วิวและน้องมิลค์ได้บัตรเด็กราคา 120 บาท...จัดไป

เอาเข้าจริงอยู่ได้แป๊บเดียวเพราะมันเย็น.น.นน..มากพี่พัทธ์คิ้วเป็นหยดเหมือนน้ำแข็งเลย
เวลามันอยู่ตอนที่ลากเบาะขึ้นไปลื่นลงมา พี่นัทธ์ พี่วิว พี่พัทธ์ เล่นกันไปคนละ 3 รอบ ส่วนอี๊เพนรอบเดียวก็พอแล้ว มันกลัวหน้าคว่ำเพราะลื่นลงมาอย่างเร็วอะ ต้องมีคนคอยเบรคอยู่ข้างล่างลงเร็วแค่ไหน ก็แค่จับภาพไม่ทัน จับภาพพี่พัทธ์ทันอยู่คนเดียวอี๊เพนอยากจะตั้งชื่อว่า...
หมูสไลด์เดอร์ (พัทธ์อย่าโกรธโกเพนนะ...แซวเล่น)...

ส่วนมิลค์หนีไปถ่ายรูปที่บ้านน้ำแข็งกัน 2 คนกับแม่ (ดูรูป)



พัทธ์เตรียมพร้อมแล้ว


ขาขึ้น..แต่พัทธ์บอกว่าพัทธ์ไม่ชอบเลยเพราะมันเดินขึ้นเหนื่อย...เฮ้อ... อยากเล่นก็อยากแต่ขี้เกียจลากน่ะสิ



3 นักลื่นเตรียมพร้อม

เมื่อพวกเราบุกดรีมเวิร์ล ตอน 3 (พี่วิวกอดผิดคน)


พี่วิวทำเป็นหัวเราะแก้เขิน 555








พี่วิวกอดผิดคน
ระหว่างทางที่เดินไปเป้าหมายใหญ่ของพวกเรา คือ แดนหิมะ พี่วิว พี่นัทธ์ พี่พัทธ์ น้องมิลค์ก็หยุดยืนดูเขาเล่นมายากลปรากฎว่า พี่วิวหัวเราะเพลินจนถึงกับกอดคอเด็กผิดคน (ดูรูปประกอบนะ) ตลกมาก อี๊เพนยืนมองอยู่ตั้งนาน และก็ลืมแซวไปเลยหละวันนั้น


เมื่อพวกเราไปบุกดรีมเวิร์ล ตอน 2 (บ้านผีสิงห์!)

พี่วิวกำลังแสดงท่าทางว่า "มิลค์กอดอย่างแน่นเลยครับ"




แม่กำลังเช็คอัตราการเต้นของหัวใจอยู่






บ้านผีสิงห์ !!!!
พวกเราเดินมาถึงบ้านผีสิงห์ ตื่นเต้นกันใหญ่โดยเฉพาะ “น้องมิลค์” ของเรากะดี๊กะด๊าอยากเข้าไปเยี่ยมชมเป็นอันมาก อี๊เพนก็เลยให้เงินไปซื้อตั๋วเข้าทัวร์บ้านผีสิงห์ ส่วนพวกเราคนโต ๆ นั่งรอกันอยู่ข้างนอก ผ่านไปพักนึง พี่นัทธ์จูงเด็กหญิงมิลค์ออกมาพร้อมทั้งน้ำตา พอเดินมาถึงที่แม่นินั่งอยู่ก็ถามกันว่าเป็นอะไร มิลค์สะอื้นพร้อมกับบอกว่า “มิลค์กลัว ฮือ ฮือ ฮือ” แม่นิก็เลยปลอบอยู่พักนึงและก็หันมาบอกอี๊เพนว่า ใจเต้นแรงจนใจแทบจะกระเด็นออกมาเต้นอยู่ข้างนอก (ตึ้กตัก..ตึ้กตัก..) อี๊เพนอดไม่ได้ก็เลยบอกว่า “ตอนจะไปเหมือนไก่จะบิน” มันเป็นอย่างนี้นี่เอง 555
โปรดติดตามตอนต่อไป...

สุขสันต์วันเกิดนะ อี้เพน


สุขสันต์วันเกิดอี๊เพน ขอให้อี๊เพนพบแต่สิ่งดี ๆ ในชีวิต
มีความสุขมาก ๆ เป็นที่รักของหลาน ๆ ทุกคน นะ
มิลค์คิดไม่ออกแล้ว...
(แม่เล่าว่า..มิลค์ย้ำว่าหลานทุกคน..อันนี้อี๊เพนแอบมาเขียนเพิ่ม 555)

เมื่อพวกเราไปบุกดรีมเวิร์ล

ก่อนหน้าเปิดเทอมไม่นาน พวกเราประกอบด้วย โกนิ อี๊เพน น้าปุ๋ม พี่นัทธ์ พี่วิว พี่พัทธ์ และน้องมิลค์ ไปบุกดรีมเวิร์ลกัน “มันมาก” ครับพี่น้อง

เข้าบ้านยักษ์
เริ่มต้นด้วยการเข้าบ้านยักษ์ ข้าวของเครืองใช้ต่าง ๆ ล้วนขนาดยักษ์ ๆ ทั้งนั้นช้อนกินข้าวก็อันเท่าตัวน้องมิลค์ ขนาดพี่พัทธ์ที่ว่าตัวยักษ์ที่สุดในทีมพวกเราแล้ว ของต่าง ๆ ในบ้านก็ยังใหญ่อยู่ดีไม่เชื่อดูจากรองเท้าที่พี่พัทธ์สวมก็ได้ เก้าอี้โยกตัวบะเริ่มเทิ่มเลย โต๊ะกินข้าวก็ตัวใหญ่ยักษ์จริง ๆ
เสร็จจากบ้านยักษ์ พวกเราก็เดินชมเส้นทางระหว่างทางไปยังเป้าหมายของเรา ระหว่างทางมีแต่ร้านหลอกเด็กให้เล่นเกมส์ปาลูกโป่งบ้าง โยนห่วงบ้าง ชู๊ตลูกบาสบ้าง เพื่อแลกกับตุ๊กตาตัวใหญ่แต่ทีมของเราก็ไม่หลงกลเพราะมันยากและหลอกกินตังค์เด็ก ๆ ทั้งนั้น




รองเท้ายักษ์

โต๊ะขนาดนี้จะนั่งยังไงเนี่ย





ยักษ์เล็กใส่รองเท้ายักษ์ใหญ่





ช้อนใหญ่อย่างนี้..แล้วมิลค์จะกินไงดีอะ






โปรดติดตามต่อ...

วันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ไปเที่ยวสวนสัตว์เขาเขียว ชลบุรี




เช้าวันหนึ่ง ณ วันที่ 2 พ.ค. 2552

มิลค์กับพี่พัทธ์ พี่นัทธ์ และพี่วิว แม่ อี๊เพน อี๊ฐา น้าปุ๋ม น้าวัฒ ได้ไปเที่ยวสวนสัตว์เขาเขียว..ฟรีด้วย น้าวัฒบอกคนที่เก็บค่าผ่านประตูว่า "แขกคุณอ้อม" ทำให้พวกเราผ่านประตูไปเลย ดู๊ทำๆๆๆ ได้เห็นพี่ช้างบิลลี่ นั่งเก้าอี้ และลิงชิมแปนซี ชื่อว่าสุริยาซะด้วย ได้ถ่ายรูปกันพี่สุริยานั่งตักพี่นัทธ์ เจอเสือขาวขี้ในน้ำ แถมอีกตัวก็ดันกินน้ำที่อีกตัวขี้ลงไป โธ่เอ๋ย ไม่เหม็นมั่งเหรอะ กินไปได้...
เจอเสือดาว เห็นสิงห์โตนอนหงายอยู่เหมือนแมวเลย

เข้าไปดูนกเพนกวิน แต่เขาหลอกเรา บางตัวดันเป็นรูปั้นนกเพนกวิน แถมเขาเปิดแอร์กี่ให้มันแทน มิลค์และพี่พัทธ์เห็นยีราฟ แล้วสงสัยว่าทำไมมันคอยาวจัง และทำไมมันถึงมีจุด ๆ อย่างนั้น

วันศุกร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2552

อี๊เพนถ่ายรูปคู่กับนายกฯ




วันนี้นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ มาประชุมที่ทำงานอี๊เพน


อี๊เพนก็เลยขอถ่ายรูปด้วย คนอื่นพอเห็นอี๊เพนขอก็วิ่งกรูมาถ่ายด้วย

อี๊เพนหละเซ็งเลย


แต่ก็แอบตัดต่อเป็นรูปคู่ได้เหมือนกัน 555
คิดถึงทุกคนจ้ะ
อี๊เพน

วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2552

เพลง...ดอกนีออนบานค่ำ

เพลงที่มิลค์ชอบมาก ขนาดจะรีบคุยกับอี๊เพนเพื่อรีบไปดูละครต่อ..ก็ยังอุตส่าห์ร้องให้ฟังตั้ง 2 ท่อน

เลยเอาเนื้อเพลงมาโพสต์ไว้กันลืมจ้า..ตั๊กแตน-ภิญญดา

เนื้อเพลง ดอกนีออนบานค่ำ

ดอกไม้อะไรดึกแล้วยังไม่นอน ก็ดอกนีออน… บานค่ำ
จากดอกไม้ภูธร มาเป็นดอกนีออนบานค่ำตะวันลาท้องฟ้ามืดดำ

เวลาชีวิตก็ผลิดอกออกฝันเป็นลูกจ้างตังค์น้อย
ลำบากเท่าใดบ่ยั่น...ดึกๆ ดื่นๆ ยังยืนสู้งานเหนื่อยก็โทรหากันเนาะเราคนภาคค่ำ

น้องสมพรบ้านอยู่เจียงฮาย เลิกเก็บลำใยก็เลยมาเสิร์ฟอาหาร
อยู่ตะวันแดงเดินโต๊ะมาตั้งนานเงินในบัญชีก็มีอยู่แค่นั้น
คึดเติงคนทางบ้านบ่เมินจะปิ๊กบ้านเฮา
ดอกไม้อะไรดึกแล้วยังไม่นอน ก็ดอกนีออน… บานค่ำ

ชลดาบ้านอยู่โคราช ความจนพาพัดเข้ามาอยู่ในโรงงาน
นั่งเย็บผ้าโหลทำโอทีมาทุกวันเก็บสิบเป็นร้อยเพียรสร้างเป็นทางฝัน
อยากมีร้านอาหาร ขายของกินบ้านเอง

จากดอกไม้ภูธร มาเป็นดอกนีออนบานค่ำตะวันลาท้องฟ้ามืดดำ
เวลาชีวิตก็ผลิดอกออกฝันเป็นลูกจ้างตังค์น้อย
ลำบากเท่าใดบ่ยั่นดึกๆ ดื่นๆ ยังยืนสู้งานเหนื่อยก็โทรหากันเนาะเราคนภาคค่ำ
พี่นกเมืองคอน บ้านอยู่ร่อนพิบูลย์จากสวนยางทางโน้น

เข้ามาอยู่แถวลาดพร้าวทำงานเซเว่น
ขายของชำพร้อมซาละเปาออกกะตีสอง
ถึงห้องก็นั่งเหงาอยากหลบบ้านแล้วหล่าว คิดถึงทิวพร้าวลมเล

ดอกไม้อะไรดึกแล้วยังไม่นอน ก็ดอกนีออน… บานค่ำ
จากดอกไม้ภูธร มาเป็นดอกนีออนบานค่ำตะวันลาท้องฟ้ามืดดำ

เวลาชีวิตก็ผลิดอกออกฝันเป็นลูกจ้างตังค์น้อย
ลำบากเท่าใดบ่ยั่น ดึกๆ ดื่นๆ ยังยืนสู้งานเหนื่อยก็โทรหากันเนาะเราคนภาคค่ำ

วันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2552

ตั๊กกะแตน-ภิญญดา

แหมนั่งอยู่บ้านวันอาทิตย์ คิดถึงมิลค์ก็เลยเปิดเสียงฟัง
ติดใจท่อนที่ร้องว่า "แม่ดอกนีออน..อ๊อ..น..ออน..บานค่ำ"

อยากให้มิลค์ลองฟังแต่เว็บไม่ยอมให้แนบไฟล์เสียงนักร้องเสียงเหน่ออะ

วันพุธที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2552

พูดให้คนอื่นสบายใจ

ยายเชียรเป็นแผลที่เท้าหัวแม่โป้ง อยู่ ๆ ก็บวม บอกว่าสงสัยหนามแมงดอทิ่ม
ไปหาหมอเขาให้ยามาทา พอทาหนังก็ลอกออก ตอนมาบ้านโป่ง เด็ก ๆ
ก็ดูกันแล้วพูดว่า โห! ยายเป็นอะไรเนี่ย เจ็บไหม ยายบอกไม่เจ็บหลอก
เดี๋ยวก็หาย เลยบอกยายต้องไปหาหมอใหม่แล้วเหมือนหนังมันจะลอกอย่างเดียว
แต่มันยังบวมอยู่นะ ยายก็แวะไปหาหมอตอนขากลับเพชร

เมื่อวานโทร. ไปถามว่าเป็นไงบ้าง แม่บอกว่าค่อยยังชั่วแล้ว ไม่เจ็บแล้ว
ก็เลยมาบอกเด็ก ๆ วิวบอกว่า แม่..ยายเขาตอบให้แม่สบายใจหรือเปล่า
ก็เลยนึกว่า แหม...ลูกชายนี่ช่างคิดเนอะ อดไม่ได้ที่จะย้อนเหตุการณ์ใกล้ตัว
อ๋อ ที่แม่โทรหาวิว ระหว่างวันว่าทำอะไรอยู่ เล่นเกมส์รึเปล่า
วิวบอกว่าไม่ได้เล่น สงสัยจะตอบให้แม่สบายใจมั๊ง วิวบอกพูดเรื่องจริงน่า
ไม่โกหกแม่หรอก ให้มันจริงเฮอะ

วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2552

เตรียมตัวให้พร้อม...รับโปรโมชั่น

อ่านผลงานโปรโมชั่นของมิลค์แล้ว ก็โอเคนะผ่านค่ะ
เตรียมตัวให้พร้อมเลยนะ เมื่อไหร่บอกมาเลย
แต่อี๊เพนคิดว่าอย่าเลยไปถึงเมษาเลยนะเพราะมันจะร้อนมาก มาก
มาเที่ยวซักอาทิตย์หนึ่งนะ เดี๋ยวให้ยายมาค้างด้วยนะมิลค์นะ
คิดถึงทุกคนจ้ะ
อี๊เพน

โปรโมรชั่นของมิลค์

ด้วยความอยากไปเที่ยวรีบบอกทันทีว่ามิลค์

ทำแล้วคือถูหน้าบ้าน (ที่ Copper นอน)

แต่ที่ทำประจำคือจัดโต๊ะกลาง แค่นี้พอไหม

จะให้ไปไหมจ๊ะ



มิลค์

วันพุธที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2552

โปรโมชั่นใหม่











อ่านเรื่องโปรโมชั่นของมิลค์แล้ว ขำอะ
ว่าแต่ว่ามิลค์เองจะมีโปรโมชั่นอะไรพิเศษบ้างไม๊น๊า
เช่น ปิดเทอมนี้แถมโปรโมชั่นถูบ้านให้แม่ ล้างจานเอง หรืออ่านหนังสือวันละ 10 หน้า
หรือมิลค์จะคิดเองแล้วบอกอี๊เพนอีกทีนะ
ส่วนอี๊เพนมีโปรโมชันช่วงปิดเทอมนี้คือ จะพาไปเที่ยวซาฟารีเวิลด์
ไปดูปลาโลมา ยีราฟ และม้าลาย 555
ใครสนใจรีบสมัครด่วน แต่มีข้อแม้ว่าผู้สมัครต้องมีผลงานที่ทำความดีมาส่ง 1 อย่าง
เล่ามาก็ได้ว่าได้ทำอะไรบ้าง ที่ตัวเองคิดว่าดีสุด ๆ อะนะ

เปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้จนถึงวันปิดเทอมจ้า
อี๊เพนเอง

วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2552

รู้จัก Promotion กันรึยัง

วันก่อนพูดถึง PIZZA มีโฆษณา 1 แถม 1 เราก็ว่าสงสัยไม่มีคนกินช่วงหน้าร้อน
เลยแถม พอนั่งรถไปเรียนบัลเลต์ มิลค์ก็ถามไปกิน PIZZA กันไหม มี Promotion
นะ แม่ก็ฟังแล้วก็อมยิ้ม พอตอนเย็นคุยกับพ่อว่าลูกเราเนี่ยะคุยกับเราได้ทุกเรื่อง
ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ต้องถาม/คุย ด้วยทุกเรื่อง (จุ้น) ก็เลยหลอกถามว่าที่มิลค์
พูด Promotion หมายถึงอะไร "ก็แบบว่าอะไรที่มันมากกว่าเดิมอะ"
อ๋อ เหรอ....

คอปเปอร์กับเด็ก ๆ





มิลค์อ่านแล้วรู้สึกเขิน ๆ ว่ะ เดี๋ยวนี้มิลค์ไปกอดหมาบ่อยมากบางทีก็ไปคุยกับหมางุ๊งงิ๊ง

ก็น่ารักดี ตอนนี้ใกล้จะสอบแล้วต้องกวดให้อ่านหนังสือกันยกใหญ่
อี๊ฐาเป็นไงบ้างไม่เข้ามาเลยนะ หลังจากที่ภาพหวาน (ซะไม่มี) เอาไว้ก็เงียบไปเลย
เจ๊




วันเสาร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ราคาชีวิตของคอปเปอร์


แม่นิเล่าว่าเอารองเท้าตีคอปเปอร์ เนื่องจากมันกัดรองเท้าคู่โปรด
และก็เล่าต่อว่าลูกสาวได้ไปคุยกับพ่อว่า


"หมามันมีชีวิตเนอะ ซื้อมาตั้งหกพัน รองเท้าแม่แค่พันเดียว
แถมรองเท้ามันก็ไม่มีชีวิตด้วย เดี๋ยวมิลค์ช่วยออก 500 ก็ได้"

(มิลค์คงหมายถึงว่าหากซื้อรองเท้าใหม่ จะช่วยออกเงิน 500)

แม้จะเป็นการเปรียบเทียบชีวิตออกมาเป็นมูลค่า 6000 บาท เทียบกับรองเท้า 1000 บาท
แต่ฉันในฐานะอี๊ก็อดภูมิใจไม่ได้ว่าเบื้องหลังของการพูดของมิลค์คงเป็นเพราะความรัก ความสงสารที่มีต่อ"คอปเปอร์" และมิลค์ก็ยังรักษาน้ำใจแม่ด้วยการไปพูดกับพ่อแทนที่จะว่าแม่ตรง ๆ อีกด้วย


แต่มิลค์ก็ต้องไม่ลืมนะว่า คอปเปอร์ก็ต้องได้รับการสั่งสอนไม่ต่างอะไรกับเด็ก ๆ
เพราะการที่คอปเปอร์มันกัดรองเท้าทำให้มันนิสัยเสีย กลายเป็นหมาชอบกัดรองเท้า
ทีนี้มันก็จะกัดรองเท้าทุกคน อี๊เพนเคยไปบ้านเพื่อนใส่รองเท้าคู่ละ 3000 ไปปรากฎว่ามันกัดรองเท้าอี๊เพน
อี๊เพนรู้สึกเสียดายรองเท้ามาก แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
แม่เขาทำถูกแล้วต้องสั่งสอนให้มันหลาบจำ


เจอกันอาทิตย์หน้าจ้ะ


อี๊เพน


(นิช่วยเอารูปคอปเปอร์กับมิลค์ลงให้ด้วยนะ)


หุ่นเฟิร์มของพัทธ์




ฮัลโหล...พัทธ์เป็นไงมั่ง (โกเพนเอ่ยประโยคแรกเมื่อได้คุยโทรศัพท์กับพัทธ์)
พัทธ์กำลังลดน้ำหนักอยู่ โห..นี่โกเพนหูฝาดไปหรือเปล่า

พัทธ์เล่าถึงเมนูลดน้ำหนักตัวเองอย่างเอาจริงเอาจัง
"ตอนเช้าพัทธ์กินต้มวุ้นเส้น ตอนเย็นพัทธ์กินสลัด แม่ซื้อมาให้กิน"

เออฟังดูเข้าท่าแฮะ โกเพนถามว่ากินมากี่วันแล้ว
"วันนี้วันที่ 2 เอ้ย!! วันที่ 3" เอาน่ะก็ดีกว่าไม่ได้เริ่ม โกเพนให้กำลังใจพัทธ์นะ
พัทธ์ก็เล่าต่อว่าพัทธ์ดูแลเหลาม่า จูงเหลาม่าลุกขึ้นและบอกว่าเหลาม่าผมยาวมาก
และเล่าเรื่องไปวัดพระแก้ว ว่ามีฝรั่งมาถ่ายรูปให้ เออใช้ได้ไม่เสียแรงที่เอากล้องไปด้วย
โกเพนก็เลยบอกว่า อาทิตย์หน้าจะกลับบ้านเพชร พัทธ์ถามย้ำว่าอาทิตย์หน้าใช่ไม๊
เออ..ใช่ พัทธ์ก็บอกว่า

"ดี..ได้มาดูหุ่นเฟิร์ม ๆ ของพัทธ์"

ให้มันจริงเฮอะ

เอาวะพัทธ์นึกเข้าไว้ว่า "สู้โว้ย"